ผิวแพ้ง่าย กับ 7 สารเคมีที่ต้องระวังในเครื่องสำอาง

สารเคมีที่ต้องระวังในเครื่องสำอาง เครื่องสำอางกับผู้หญิงเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะละเลยหรือไม่ทันระวัง คือ สารเคมีภายในเครื่องสำอางที่มีอยู่หลายชนิดที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ที่ผิวแพ้ง่ายทำให้เกิดอาการผิวระคายเคือง เราจึงรวบรวมสารเคมีที่ต้องระวังในเครื่องสำอาง ตลอดจนวิธีการเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะกับผิวแพ้ง่าย มาให้คุณใช้เป็นแนวทางในการเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสมกับตนเอง และหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวหากพร้อมแล้ว มาดูกันเลยค่ะ

ผิวแพ้ง่าย กับ 7 สารเคมีที่ต้องระวังในเครื่องสำอาง

1.สารตะกั่ว (Lead)

แม้ว่าตะกั่วจะเป็นสารที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและสามารถเข้าสู่ร่างกายเราผ่านอาหารหรือน้ำดื่ม แต่สารตะกั่วที่พบในเครื่องสำอางบางประเภทอย่างอายไลเนอร์และลิปสติก หากมีปริมาณในอัตราส่วนเกิน 20 ส่วนในล้านส่วนโดยน้ำหนักอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้หลายประการ อาทิ ก่อให้เกิดอาการปวดบิดในท้องอย่างรุนแรง ท้องผูก หรือถ่ายเป็นเลือด อ่อนแรง เป็นต้น เนื่องจากสารตะกั่วปริมาณที่สูงเกินไปส่งผลต่อกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง สร้างความปั่นป่วนแก่ระบบประสาททั่วร่างกายและทำให้ภูมิคุ้มกันของเราทำงานผิดปกติ

2.สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)

ไฮโดรควิโนนเป็นสารที่ใช้ในการยับยั้งกระบวนการเปลี่ยนแปลงของสีผิว ช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวมากผิดปกติจึงมักพบในครีมลอกฝ้าหรือครีมผิวขาวบางชนิด อย่างไรก็ตาม ไฮโดรควิโนนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวหนังได้หลากหลายอาการ อาทิ ผิวแดง ระคายเคือง แห้ง แสบเกิดผื่นแพ้สัมผัสหรือผิวเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำโดยบางรายที่อาการหนักอาจนำไปสู่การเกิดฝ้าถาวรที่ทำให้ผิวเป็นด่างขาวผิดปกติ ไม่สามารถรักษาได้ เพราะฉะนั้น หากพบเห็นไฮโดรควิโนนในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางใด ควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน

3.สารปรอท (Mercury)

งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าผลิตภัณฑ์ครีมหน้าขาว-หน้าใสในตลาดมากถึง 20% มีสารปรอทเป็นส่วนผสมในปริมาณที่สูงจนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากสารปรอทมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ส่งผลให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) น้อยลง อันช่วยทำให้สีผิวขาวขึ้นโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของสารปรอทก็มีจำนวนมากเช่นกัน โดยอาจส่งผลให้ผิวหนังมีอาการแพ้ เกิดผื่นแดง ฝ้าถาวร ผิวหน้าดำ และในระยะยาวเมื่อมีการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของสารปรอทเป็นเวลานาน พิษสะสมของสารเคมีดังกล่าวบนผิวหนังอาจซึมเข้าสู่กระแสเลือด นำไปสู่ภาวะตับและไตอักเสบ โรคโลหิตจาง ทางเดินปัสสาวะอักเสบ และในกรณีของสตรีมีครรภ์ สารปรอทที่สะสมในร่างกายอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทำให้ทำให้เด็กมีสมองพิการและปัญญาอ่อนได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ สารปรอทจึงเป็นสารเคมีที่ต้องระวังในเครื่องสำอางชนิดหนึ่งที่อันตรายมาก

4.สารฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde)

ฟอร์มัลดีไฮด์หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ‘ฟอร์มาลีน’ เป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ ทำความสะอาด รักษาสภาพของอาหารไม่ให้เน่าเปื่อย จึงเป็นที่รู้กันว่าเป็นสารที่ใช้สำหรับการ ‘ดองศพ’ สำหรับฟอร์มัลดีไฮด์ในเครื่องสำอางนั้นจะพบได้มากในน้ำยาทาเล็บ ซึ่งช่วยให้สีสันติดทนนานไม่หลุดลอกออกง่าย ๆ ซึ่งคุณสมบัติอย่างเดียวกันก็ทำให้ฟอร์มัลดีไฮด์เป็นส่วนผสมสำคัญในน้ำยาเคลือบเงาเฟอร์นิเจอร์อีกด้วย จะเห็นได้ว่าสารที่มีคุณสมบัติทางเคมีรุนแรงขนาดนี้ย่อมไม่ส่งผลดีต่อร่างกายแน่นอน โดยฟอร์มัลดีไฮด์มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการแสบร้อนบนผิวหนัง ระคายเคืองบริเวณรอบดวงตา หายใจไม่ออก และในระยะยาวหากมีปริมาณการสะสมในร่างกายมากก็เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้เช่นกัน

5.สารเฮกซ่าคลอโรฟีน (Hexachlorophene)

แป้งและสบู่เป็นเครื่องสำอางที่ทั้งผู้ชายและผู้หญิงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ในผลิตภัณฑ์แป้งทาผิวและสบู่บางชนิดที่มีส่วนผสมของสารเฮกซ่าคลอโรฟีนอาจทำอันตรายต่อระบบประสาทได้หากมีปริมาณมากกว่า 0.1% เนื่องจากเฮกซ่าคลอโรฟีนมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อ (antiseptics) ที่สามารถดูดซึมเข้าไปในผิวหนังได้ จึงไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเฮกซ่าคลอโรฟีนกับเด็กทารกที่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย เพราะสารที่ซึมผ่านผิวหนังเข้าไปสู่กระแสเลือดอาจส่งผลกระทบต่อสมองได้

6.กรดวิตามินเอ (Retinoic Acid)

หลายคนทราบว่ากรดวิตามินเอมีคุณสมบัติในการรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเครื่องสำอางที่ใช้ส่วนผสมของกรดวิตามินเอก็มักจะโฆษณาสรรพคุณว่าสามารถรักษาสิวให้หายขาดได้ภายในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม น้อยคนจะรู้ว่ากรดวิตามินเอจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ เนื่องเพราะมีผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และสตรีมีครรภ์ โดยพบว่าการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินหรือยากำจัดสิวเสี้ยนจากกรดวิตามินระหว่างการตั้งครรภ์อาจส่งผลให้ทารกพิการแต่กำเนิดได้ โดยเฉพาะการเสี่ยงต่อการเป็นโรคปากแหว่ง เพดานโหว่ ตลอดจนทำให้มีผลข้างเคียงอื่น ๆ อาทิ ริมฝีปากแห้ง ตาแห้ง และอาการผิวไวต่อแสง จัดได้ว่ากรดวิตามินเอเป็นหนึ่งในสารเคมีในเครื่องสำอางที่อันตรายมากเลยทีเดียว

7.สารสเตียรอยด์ (Steroids)

สารเคมีที่มีสรรพคุณทางการแพทย์ส่วนใหญ่ หากใช้งานในปริมาณที่เหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งานย่อมก่อให้เกิดผลดีมากกว่าผลเสีย ปัญหาที่มักเกิดขึ้นก็คือเรามักใช้สารเคมีเหล่านั้นผิดแปลกไปจากวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของมัน สารสเตียรอยด์ก็เช่นเดียวกัน หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่แพทย์กำหนดก็จะสามารถช่วยรักษาโรคภูมิแพ้และโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สารสเตียรอยด์ที่ใช้ในเครื่องสำอางบำรุงผิวหรือครีมผิวขาวจะมีกสนผสมกับสารตัวอื่น ๆ อย่างไฮโดรควิโนน หรือ เรตินอยด์ เพื่อสร้างคุณสมบัติในการรักษา ฝ้า กระ และจุดด่างดำและหากเครื่องสำอางนั้นมีปริมาณสเตียรอยด์ที่เข้มข้นเกินไปหรือมีการใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย ทั้งอาการผื่นคัน ผิวหน้าบาง และหากซึมเข้าไปในกระแสเลือดก็อาจนำไปสู่อาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร กดภูมิคุ้มกันโรค และยับยั้งการเติบโตของร่างกาย เพราะฉะนั้นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และสตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อย่างสิ้นเชิง


วิธีเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

การเป็นคนผิวแพ้ง่ายจำเป็นที่เราจะต้องเลือกสรรเครื่องสำอางอย่างพิถีพิถันมากกว่าคนอื่น ทั้งนี้ เป็นไปเพื่อสุขภาพและความงามอย่างยั่งยืนของเรา เพราะหากเลือกเครื่องสำอางผิดแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะเกินเยียวยาได้เลยทีเดียว เราจึงขอแนะนำ 5 วิธีเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ดังนี้

ผิวแพ้ง่าย กับ 7 สารเคมีที่ต้องระวังในเครื่องสำอาง

1.เลือกเครื่องสำอางที่ปราศจากสารกันเสีย

สารกันเสียกลุ่มพาราเบนเป็นส่วนผสมยอดนิยมของเครื่องสำอาง เนื่องจากช่วยป้องกันไม่ให้เครื่องสำอางหมดอายุก่อนการใช้งาน ป้องกันเชื้อโรคและแบคทีเรียเพื่อรักษาสภาพของครีมต่าง ๆ ให้ใช้ได้นาน ๆ แต่สารกันเสียเหล่านี้เองที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะฉะนั้น เราจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผลิตขึ้นมาโดยปราศจากสารกันเสีย (preservative free) ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องสำอางอยู่หลากหลายแบรนด์ด้วยกันที่มุ่งผลิตเครื่องสำอางแบบ Oil Base ที่มีส่วนผสมของน้ำน้อย ลดอัตราการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในน้ำซึ่งทำให้ครีมสามารถอยู่ได้นาน ไม่เน่าเสียง่ายโดยไม่จำเป็นต้องใส่สารกันเสียนั่นเอง

2.เลือกเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารที่มีกลิ่นหอม

นอกจากสารกันเสียแล้ว เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารทำความหอมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนึ่งที่สร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังของคนที่ผิวแพ้ง่าย นอกจากนั้น อาการของผู้ที่มีผิวบอบบางมากอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงก่อให้เกิดสิวอักเสบ สิวผด หรือสิวหนองเนื่องจากถูกน้ำหอมเข้าไปอุดตันตามรูขุมขน รวมไปถึงอาการแสบระคายเคืองดวงตาอีกด้วย เพราะฉะนั้น เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอมจึงเป็นสิ่งที่คนผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงอย่างสิ้นเชิง โดยให้หันไปหาตัวเลือกใหม่ ๆ อย่างเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของธรรมชาติเป็นหลัก (Hypoallergenic) หรือเลือกเครื่องสำอางที่ไม่มีการแต่งกลิ่นน้ำหอมหรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ (Fragrance-Free/Unscented) อย่างเจลว่านหางจระเข้ก็จะช่วยให้เราสามารถใช้เครื่องสำอางได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

3.เลือกเครื่องสำอางที่ผ่านการทดสอบการแพ้

เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ควรมีฉลากหรือเครื่องหมายกำกับว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านการทดสอบการแพ้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เราสามารถมั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าเครื่องสำอางดังกล่าวจะไม่มีส่วนผสมของสารก่ออาการแพ้อย่างน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารกันเสียที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวอันบอบบางของเราหากใช้โดยไม่ระมัดระวัง ไม่ใช่เพียงแค่ครีมทาผิวเท่านั้น แต่เครื่องสำอางประเภทอื่นอย่างอายแชโดว์หรือายไลเนอร์ก็ควรมีฉลากกำกับว่าผ่านการทดสอบอาการแพ้จากจักษุแพทย์เช่นกัน เพราะหากมีสารก่อภูมิแพ้แล้ว ไม่ว่าใช้ตรงไหนก็เป็นอันตรายได้เหมือนกันทุกแห่ง

4.เลือกเครื่องสำอางออร์แกนิค

ปัจจุบันเทรนด์ออร์แกนิคกำลังมาแรง โดยเฉพาะในแวดวงเครื่องสำอางโลก อันนับว่าเป็นเรื่องดี แม้ว่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางออร์แกนิคจะมีราคาสูงอยู่บ้าง แต่ก็เนื่องเพราะกระบวนการผลิตจากธรรมชาติโดยปราศจากสารเคมีทำให้กว่าจะได้เครื่องสำอางออร์แกนิคมาแต่ละชิ้นนั้นย่อมใช้เวลามาก แต่เชื่อว่าคุ้มค่าสำหรับคนผิวแพ้ง่ายอย่างแน่นอน โดยเราอาจจะเริ่มจากครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันธรรมชาติ อาทิ โจโจ้บา ออยล์, อาร์แกน ออยล์ ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังโดยไม่ส่งผลข้างเคียงในระยะยาวเหมือนเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตรายหรือเลือกใช้โฟมล้างหน้าสำหรับผิวแพ้ง่าย

5.เลือกเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของ 7 สารเคมีอันตราย

ท้ายที่สุดการเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสมสำหรับคนผิวแพ้ง่ายคงไม่มีสิ่งใดที่เราจะต้องคำนึงมากไปกว่าการหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตรายที่เราได้กล่าวถึงไปข้างต้น7 ชนิด ประกอบด้วย สารตะกั่ว, สารไฮโดรควิโนน, สารปรอท, สารฟอร์มัลดีไฮด์, สารเฮกซ่าคลอโรฟีน, กรดวิตามินเอ และสารสเตียรอยด์ ซึ่งไม่ว่าสารทั้งหมดที่กล่าวมาจะมีส่วนผสมในปริมาณน้อยในเครื่องสำอางแต่ละชนิด แต่ในระยะยาวเมื่อเราใช้เครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผลข้างเคียงก็อาจปรากฏออกมาในรูปของอาการเจ็บป่วยทางร่างกายที่หาสาเหตุไม่ได้ อาทิ อาการเลือดออกในกระเพาะ, ตับไตอักเสบ, โลหิตจาง ,ปัสสาวะอักเสบ หรือที่ร้ายแรงที่สุดก็คืออาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ขอให้หลีกเลี่ยงสารเคมีอันตรายในเครื่องสำอาง7 ชนิดนี้ แล้วคุณจะสามารถใช้เครื่องสำอางได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย

บทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อแนะนำให้คุณได้รู้จักกับ 7 สารเคมีอันตรายในเครื่องสำอางเพื่อที่จะได้พยายามหลีกเลี่ยงต่อไป นอกจากนั้น เราได้แนะนำวิธีการเลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสมสำหรับคนผิวแพ้ง่ายซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเองได้ อย่าลืมว่าหากเลือกเครื่องสำอางผิด ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นอาจมีความร้ายแรงมากกว่าที่คิด เพราะฉะนั้น ขอให้เลือกอย่างพิถีพิถันหรือกลับมาอ่านทวนบทความนี้อีกรอบก่อนซื้อก็เป็นอีกแนวทางที่ดีเช่นกัน