AHA, BHA, PHA คืออะไร ใครควรใช้และผลข้างเคียงที่สาวๆ ต้องรู้!
สาวๆ หลายคนอาจยังมีความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพรรณต่างๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยปรับผิวกายและผิวหน้าให้เรียบเนียน เพิ่มความขาวกระจ่างใส ลดการเกิดสิว และริ้วรอยนั้นทำได้อย่างไร ซึ่งแท้จริงแล้ว คุณสมบัติต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจาก AHA BHA PHA ซึ่งถือเป็นสารประกอบทางเคมีที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมาอย่างยาวนาน และเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นสารประกอบทางเคมีแน่นอนว่าจะต้องตามมาด้วยผลข้างเคียงอย่างแน่นอน ดังนั้น เรามาทำความรู้จักกับสารประกอบเหล่านี้ให้มากขึ้นกันเถอะ
AHA คืออะไร?
AHA ย่อมาจาก Alpha hydroxy acid คือ สารสกัดธรรมชาติจากผลไม้ที่ฤทธิ์เป็นกรดสูงหรือมีรสเปรี้ยวสามารถพบเห็นได้ทั่วไปเช่น มะนาว ส้ม สัปปะรด ที่จะสกัดออกมาได้เป็น Citric acid, แอปเปิ้ล ที่จะสกัดออกมาได้เป็น Malic acid และมะขาม องุ่น ที่จะสกัดออกมาแล้วได้เป็น Tartaric acid เป็นต้น
AHA ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางอย่างแพร่หลายและถูกใช้มาเป็นเวลายาวนานกว่า 40 ปี เนื่องจากเป็นสารเคมีที่กระตุ้นให้มีการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมถึงอีลาสตินใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณดูสุขภาพดี ชะลอการเกิดรอยริ้วได้ผล
ประโยชน์ของ AHA
1.ชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
- เนื่องจาก AHA มีส่วนกระตุ้นการสร้างของคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยในการซ่อมแซมผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กันผิวพรรณ ดังนั้นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ลดสิวผดที่มีส่วนประกอบของ AHA จึงสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยและลดเลือนร่องรอยต่างๆ บนผิวได้
2.ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- ผิวที่จะมีสุขภาพดีไม่แห้งหรือเป็นสิวง่ายนั้น ต้องมีสภาพเป็นกรดหรือเบสอ่อนๆ ซึ่งAHA ก็สามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้ดี ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางครีมบำรุงผิวนิยมใช้ Malic acid มาเป็นส่วนผสม เพราะนอกจากจะช่วยปรับค่าสมดุลความเป็นกรดด่างให้ผิวแล้ว ยังสามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้นบนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.ป้องกันการเกิดสิว และลดเลือนรอยสิว
- สิวและรอยสิว ส่วนมากเกิดจากการสะสมสิ่งสกปรกบนผิวหน้าและ AHA มีส่วนสำคัญในการช่วยผลัดเซลล์ผิว กระชับรูขุมขนและกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ที่กระจ่างใสและเรียบเนียนกว่าเดิม
AHA เหมาะกับใคร
เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวที่ประกอบไปด้วย AHA สามารถใช้ได้กับทุกคน คุณแม่ตั้งครรภ์ก็สามารถใช้ได้เนื่องจากยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงจากการใช้ AHA ที่ส่งผลกระทบต่อแม่และเด็ก ส่วนผู้ที่มีผิวเปราะบางแพ้ง่ายก่อนการใช้ควรทดสอบอาการแพ้ให้แน่นอนก่อน และเมื่อมีอาการผิดปกติให้หยุดใช้และพบแพทย์
ผลข้างเคียงจากการใช้ AHA
เนื่องจากAHA เป็นสารประกอบทางเคมีจึงแฝงมาด้วยผลเสียแน่นอนอยู่แล้ว แต่จะเกิดผลเสียได้ในกรณีที่ใช้ในปริมาณที่เข้มข้นมากจนเกินไปเท่านั้น โดยปริมาณของ AHA ที่ควรผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่างๆ จะต้องไม่เกิน 10% ของสารทั้งหมด หากมีปริมาณที่เกินกว่านี้ควรใช้ให้อยู่ในความดูแลของแพทย์ สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผิวเปราะบาง ผลข้างเคียงที่ตามมาอาจจะทำให้มีอาการแสบผิว ผิวไหม้ ผิวแดง ผิวลอก หรืออาจทำให้ผิวหน้าไวต่อแสงแดดมากขึ้น
BHA คืออะไร?
BHA ย่อมาจาก Beta hydroxy acid คือ สารเคมีที่สังเคราะห์ขึ้นมาให้มีอนุพันธ์คล้ายคลึงกับ AHA ทำให้มีประสิทธิภาพช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ใกล้เคียงกัน แต่มีข้อดีมากกว่านั่นคือ มีคุณสมบัติที่ทนต่อความร้อน ไม่แตกหรือเสื่อมได้ง่าย และสามารถละลายได้ในไขมันอย่างไรก็ตาม BHA ในสมัยก่อนส่วนมากนิยมใช้ในทางการแพทย์ผิวหนัง โดยช่วยในเรื่องของการรักษาโรคผิวหนังอักเสบ ผู้ที่มีฝ่ามือหรือฝ่าเท้าหนากว่าปกติ และปัจจุบันก็เริ่มนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
ประโยชน์ของ BHA
1.ชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
- เนื่องจาก BHA มีส่วนกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และเนื่องจากคุณสมบัติที่ละลายในไขมันจึงทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของBHA จึงสามารถชะลอการเกิดริ้วรอยและลดเลือนร่องรอยได้เป็นอย่างดี
2.ป้องกันการเกิดสิว และลดเลือนรอยสิว
- BHA มีส่วนสำคัญในการช่วยผลัดเซลล์ผิว กระชับรูขุมขนและกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ที่กระจ่างใสและเรียบเนียนกว่าเดิม
BHA เหมาะกับใคร
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ BHA สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว หรือผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย จุดด่างดำ รอยดำและรอยแดงจากสิว แต่ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและผิวเปราะบางมากควรได้รับการทดสอบอาการแพ้ก่อน เมื่อมีปัญหาอาการผิดปกติแนะนำให้หยุดใช้ และพบแพทย์
ผลข้างเคียงจากการใช้ BHA
เนื่องจากเป็นอนุพันธ์ที่สังเคราะห์มาจาก AHA จึงมีคุณสมบัติและผลเคียงข้างที่คล้ายคลึงกันคือ สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ หรือผู้ที่ใช้ในปริมาณที่เข้มข้นเกินไป อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ผิวลอก ผิวบางและผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
PHA คืออะไร?
PHA ย่อมาจาก Polyhydroxy acidคือ สารเคมีที่ดัดแปลงและสังเคราะห์มาให้มีคุณสมบัติเหมือน AHA และ BHA โดยมีคุณสมบัติหลักคือ สามารถกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว และจุดเด่นของ PHA คือจะมีโมเลกุลที่ใหญ่กว่าจึงทำให้สามารถดูแลผิวชั้นบนได้ละเอียดอ่อนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีความเป็นกรดต่ำกว่าจึงทำให้เกิดการระคายเคืองผิวน้อยกว่า
ประโยชน์ของ PHA
ประโยชน์ของ PHA คล้ายคลึงกันกับAHA และ BHA แต่ข้อดีของสารเคมีชนิดนี้ คือสามารถดูแลผิวได้อย่างอ่อนโยนมากกว่า โดยสามารถดูแลผิวชั้นบนได้ละเอียดอ่อนและก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวน้อยกว่า
PHA เหมาะกับใคร
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ PHA สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่เมื่อใช้ในปริมาณที่เข้มข้นมากๆ อาจส่งผลทำให้ผิวหน้าบางและไวต่อแสงแดด จึงแนะนำให้มีการทาครีมกันแดดก่อนออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
ผลข้างเคียงจากการใช้ PHA
ผลข้างเคียงของ PHA จะคล้ายคลึงกับ AHA และ BHA โดยเมื่อมีอาการแพ้หรือสารเคมีมีปริมาณมากเกินไปจะทำให้ผิวบาง เกิดอาการระคายเคืองแต่จะระคายเคืองผิวน้อยกว่า เนื่องจากความเป็นกรดน้อยกว่า
เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของ AHA, BHA หรือ PHA ควรเลือกใช้ที่มีการระบุปริมาณที่ชัดเจนเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจจะตามมาในอนาคต หากใครที่มีผิวแพ้ง่ายอาจต้องดูรายละเอียดสารเคมีที่ต้องระวังในเครื่องสำอางและควรทาครีมกันแดดปกป้องผิวก่อนออกแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันปัญหาผิวไวต่อแดดจนเกิดความคล้ำเสียต่อผิวตามมาได้